พิธีกรรม ในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต
พิธีชำระล้างสถานที่ (เจ่งตั๋ว)
พิธีชำระล้างบริเวณอ๊าม และโรงครัวให้สะอาด บริสุทธิ์ก่อนเริ่มประเพณีถือศีลกินผัก ประกอบพิธีกรรมโดย
พิธียกเสาโก้เต้ง
ก่อน 5 โมงเย็น ผู้มีหน้าที่จะให้เด็กตีฆ้องจีนเรียกว่า (โหล) ไปตามถนนร้องบอกประชาชนให้ไปช่วยขึ้นเสาเทวดา และกิ่วอ๋องต่ายเต่ เรียกว่า (คี้โก้เต้ง) เมื่อประชาชนได้ทราบข่าวก็จะมายังศาลเจ้าฯ เป็นจำนวนมาก ครั้นได้เวลาเจ้าหน้าที่เลอไท (ฮวดกั้ว) ทำพิธีเชิญประชาชนก็ช่วยกันดึงเชือกส่วนใหญ่ผู้ใช้ไม้ค้ำยันเสาก็ช่วยกันยันเสาขึ้นจนเป็นที่เรียบร้อยจึงนำตะเกียงทั้งเก้าดวงเตรียมไว้สำหรับจะดึงขึ้นสู่ยอดเสาก่อนพิธีเชิญพระกิ้วอ๋องต่ายเต่เข้าศาลเจ้า
ประชาชนที่มีรูปเทพเจ้าบูชาตามบ้านเรือนหรือตามห้างร้านค้าจะจุดธูป 3 เล่ม บอกกล่าวอัญเชิญเทพเจ้าเหล่านั้นไปร่วมพิธีกินผัก (เจี่ยะฉ่าย) ที่ศาลเจ้าซึ่งเป็นมณฑลพิธีเป็นจำนวนมาก
พิธีโก้ยเช่งเหี้ยว (เครื่องหอม) ศาลเจ้า
ช่วงระยะเวลาตอนค่ำ ทางเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการผู้รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องในงานพิธีกินผัก ได้จัดเตรียมสิ่งของทุกชนิดที่ใช้ในพิธีการและใช้สักการะบูชาทุกหน้าพระ เรียกว่า ตั๋ว ทุกๆแห่ง
ครั้นได้เวลา 23.00 น เจ้าหน้าที่เลอไท (ฮวดกั้ว) จะทำพิธีไหว้เทพเจ้าตามหน้าที่พระที่มีบรรดาพระหรือเทพที่ประทับอยู่ในศาลเจ้าให้รับทราบขั้นตอนถึงเวลาจะทำพิธีหม้อไฟไม้หอม โก้ยเซ่งเหี้ยว เรียกว่า เส้เจ่ง หรือ หม้อไฟเครื่องหอมจะรมภายห้องภายในโรงครัวศาลเจ้า ที่พักผู้ประทับทรง และตามบริเวณศาลเจ้าแล้วจึงไปวางไว้ที่โต๊ะพิธีเชิญเทวดามาเป็นประธานในพิธี และทำพิธีเชิญพระราชาธิราชทั้งเก้าพระองค์ (กิ้วอ๋องต่ายเต่) ซึ่งได่จัดเตรียมไว้ที่หน้าศาลเจ้า
พิธีเชิญยกอ๋องส่งเต่ (พระอิศวร)
ครั้นถึงเวลา 00.15 น. เที่ยงคืนของวันขึ้น 1 ค่ำ (ตามปฏิทินจีน) คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่เลอไท (ฮวดกั้ว) ทำพิธีไหว้เทพเจ้าตามพระที่ประทับอยู่ในศาลเจ้าให้รับทราบถึงขั้นตอน เมื่อถึงเวลาอัญเชิญเทวดายกอ๋องส่งเต่ (พระอิศวร) มาเป็นประธานใหญ่ในพิธีกรรมกินผัก มีประชาชนที่มาพร้อมในพิธีได้ร่วมอัญเชิญเทวดาที่หน้าศาลเจ้าเป็นจำนวนมาก เมื่อทำพิธีเชิญเทวดา โดยการเสี่ยงทาย (ปั๊วะโป้ย) เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่อจากนั้นจึงอัญเชิญ หม้อไฟไม้หอม กระถางธูปและชื่อเทวดาไปประดิษฐ์บนแท่นบูชา ซึ่งทางศาลเจ้าได้จัดเตรียมไว้เช่นทุกๆ ปีที่เคยปฏิบัติ
พิธีเชิญกิ้วอ๋องต่ายเต่ (พระราชาธิราชทั้งเก้าพระองค์)
หลังจากอัญเชิญเทวดามาเป็นประธานในพิธีเสร็จแล้ว ผู้มีหน้าที่มาช่วยในศาลเจ้าจะต้องเตรียมจุดตะเกียงทั้งเก้าดวงขึ้นไว้เพียงครึ่งเสา อีกไม่นานเจ้าหน้าที่ฮวดกั้ว (เลอไท) จะทำพิธีไหว้ตามหน้าพระอีกตามขั้นตอนจนถึงเวลาเชิญกิ้วอ๋องต่ายเต่ คือ พระราชาธิราชทั้งเก้าพระองค์ โดยการเสี่ยงทาย (ปั๊วะโป้ย) เมื่อทำพิธีเชิญเสร็จเป็นที่เรียบร้อย จึงอัญเชิญหม้อไฟไม้หอม กระถางธูปของกิ้วอ๋องต่ายเต่ (พระราชาธิราชเก้าพระองค์) พร้อมกับชิ้วหลอ คือ กระถางธูปมือถือ เข้าไปยังห้องประดิษฐานชั้นใน เรียกว่า (ไล่ตัว) เปรียบเสมือนพระราชวังที่ประทับชั้นในเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือในศาลเจ้าทำพิธีสวดมนต์ (ส่งเก้ง) ดึงตะเกียงทั้งเก้าดวงขึ้นสู่ยอดเสา เป็นอันว่าพิธีการกินผักได้เริ่มขึ้น
เก้าโง๊ยโช่ยอื๊ด วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 จีน
ทางฝ่ายโรงครัวของศาลเจ้า ได้จัดหุงอาหารเตรียมไว้ให้กับประชาชนที่จะนำปิ่นโตมารับอาหารจากโรงครัวไปรับประทานที่บ้าน
ในสมัยก่อนผู้ที่หิ้วปิ่นโตนำอาหารมาจากโรงครัวของศาลเจ้าก่อนจะรับประทานอาหารจะต้องจุดธูปไหว้พระในบ้านและจุดไม้หอมพร้อมกันแล้วเอาปิ่นโตหรือหม้อข้าวรมควันไม้หอมเสียก่อน เรียกว่า (โก้ยเช่งเหี้ยว) ทุกครั้งจึงนำอาหารมารับประทานได้
เก้าโง๊ยโช่ยส้า วันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 9 ของจีน
เมื่อทางศาลเจ้าได้ประกอบพิธีเจี่ยะฉ่าย (กินผัก) มาครบ 3 วัน ฮวดกั้ว (เลอไท) เวลา 15.00 น. ทำพิธีไหว้พระแล้วเชิญเทพผู้ใหญ่เข้าประทับทรงรวมถึงเทพอื่นๆ ที่มาร่วมในพิธีออกทำการลงหลักปักเขต รอบอาหารศาลเจ้า ตามทิศต่างๆ ด้วย เต๊กฮู้(ยันต์ไม้ไผ่) ผ่าซีกเขียนชื่อเทพผู้ใหญ่ ไปปักตามจุดที่สำคัญบริเวณศาลเจ้า คือ (ป้างกุ๋น) เป็นการปล่อยทหารออกรักษาการณ์ตามทิศต่างๆ ดังนี้
- ตั้งเอี๋ย ทิศตะวันออก ธงสีเขียว กิ้วอี่กุ้น (หลุยจินจู้) เป็นแม่ทัพมีทหาร 99,000 นาย
- หลำเอี๋ย ทิศใต้ ธงสีแดง ปัดบ่านกุ้น (เอี่ยวเจี้ยน) เป็นแม่ทัพมีทหาร 88,000 นาย
- ไช้เอี๋ย ทิศตะวันตก ธงสีขาว ล๊กย่ง (กุ้นอุ่ยฮ้อ) เป็นแม่ทัพมีทหาร 66,000 นาย
- ปั๊กเอี๋ย ทิศเหนือ ธงสีดำ ง้อเต๊กกุ้น (โทเฮ่งสุน) เป็นแม่ทัพมีทหาร 55,000 นาย
- จงเอี๋ย กองกลางธงสีเหลือง ซ่ำซิ่นกุ้น (โลเฉี้ย) เป็นแม่ทัพมีทหาร 33,000 นาย มีหน้าที่รักษาภายในบริเวณศาลเจ้า
นอกจากนี้ยังได้ไปปักหลักเขตตามทิศต่างๆ ของศาลเจ้าและบริเวณที่สำคัญได้แก่ ที่เสาโก่เต้ง จังผ้อแป๋(โรงครัว) กิ้มเต๋ง (เตาเผากระดาษทอง) เมื่อเสร็จพิธีลงหลักปักเขตเสร็จแล้วบรรดาเทพที่ประทับทรงมายังโต๊ะพิธีป้างโข้กุ้น (ปล่อยทหาร) เป็นอันเสร็จพิธีและจะทำพิธีโข้กุ้น (เลี้ยงทหาร) ไปจนตลอดงานเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00-16.00 น. ทุกวัน
พิธีเชิญล่ำเต้าปักเต้า (ผู้ถือบัญชีคนเกิดและคนตาย)
ในวันเดียวกันตอนค่ำเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ฮวดกั้ว (เลอไท) ทำพิธีเชิญเทพเข้าประทับทรงจัดขบวนแห่ไปอัญเชิญ ล่ำเต้า – ปั๊กเต้า (ผู้ถือบัญชีคนเกิดคนตาย) ซึ่งเคยปฏิบัติมาประดิษฐาน ณ ห้องประทับพระราชวังชั้นกลาง เพื่อมาร่วมรับทราบและร่วมพิธีกรรมในครั้งนี้ด้วย
พอตกดึก เถ้าเก้ล่อจู้ คำว่า ล่อจู้ คือ หัวหน้า รองล่อจู้ คือ ผู้ช่วย เก่าแก้ คือรองจากผู้ช่วย เจ้าหน้าที่พวกนี้จะมีหน้าที่ดูแล ปัดกวาด ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในศาลเจ้าและอำนวยความสะดวก แนะนำแก่ผู้ที่มาบูชาพระ พวกเขาเหล่านี้ เขาถือว่าเป็นผู้โชคดีที่สุดที่ได้มารับใช้พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะต้องเข้าเวรยามรักษาการณ์ใน
ศาลเจ้า เขาจะนำรายชื่อผู้ที่มาก่าวเอี้ยนลุ้ย (คือ ผู้ที่มาร่วมทำบุญ) มาทำการปั๊วะโป้ย (เสี่ยงทาย) ต่อหน้ายกอ๋องส่งเต่ (พระอิศวร) คัดเลือกฉ้ายอิ้ว คือ (สมาชิก) เรื่อยไปจนถึงวันสุดท้ายเพื่อเตรียมเป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้คัดเลือกรายชื่อเตรียมไว้ช่วยงานศาลเจ้าในปีต่อไปก็คือ เถ้าแก่ล้อจู้
พิธีโก้ยชิดแฉ้ (บูชาเทวดาดาวพระเคราะห์)
เวลา 14.00 น. ทางศาลเจ้าจะปลูกปะรำพิธีหน้าศาลเจ้ามีเทพเจ้าผู้ใหญ่จะทำพิธี เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. คณะกรรมการบริหารและผู้เกี่ยวข้องจะต้องร่วมพิธีเพื่อบูชาบวงสรวงเทพยดาต่างๆ และดาวพระเคราะห์ เรียกว่า (โก้ยชิดแฉ้ หรือ ป้ายชิดแฉ้) มีการส่งเก้ง (สวดมนต์) อ่านรายชื่อผู้เข้าร่วมกินผักทั้งชายและหญิงและจำนวนข้าวสารที่ใช้ไปในงานและอวยพรให้ประเพณีกินผักอยู่ยืนยาว และให้ฉ้ายอิ้ว (สมาชิก) อยู่เย็นเป็นสุขโดยทั่วกันทุกคน จากนั้นผ้าป้อฮู้ เรียก (ผ้ายันต์) ส่วน ฮู้จั้ว คือ กระดาษ (ยันต์) บรรดาพระผู้ใหญ่ที่ประทับทรงอยู่บนปะรำพิธีจะโปรยผ้ายันต์หรือกระดาษยันต์ลงมาให้กับประชาชนที่รอคอยกันอยู่เบื้องล่างเป็นจำนวนมากและผู้คนได้แย่งกัน นับเป็นประเพณีที่แปลกไปอีกอย่างหนึ่ง
ในคืนนี้ ได้จัดเตรียมขบวนแห่สิ่งของต่างๆ เพื่อไปเชี้ยโห้ยที่สะพานหิน ซึ่งเป็นวันคล้ายกับเป็นการระลึกถึงครั้งแรกที่ทางศาลเจ้าต่างๆ ได้ไปเชิญพระกิ้วอ๋องต่ายเต่ (ราชาธิราชทั้งเก้าพระองค์) พร้อมคัมภีร์พิธีกรรมกินผักต่างๆ ที่มาจากประเทศจีน
พิธีเชี้ยเหี้ยวโห้ย คือ (เชิญธูปจุดไฟจากประเทศจีน)
รุ่งเช้ามือของวันแห่การจัดเตรียมสิ่งของต่างๆ ที่ได้เตรียมไว้เชิญพระผู้ใหญ่เข้าประทับทรงได้เวลาอันสมควรจึงเคลื่อนขบวนแห่ไปยังสะพานหิน การจัดขบวนแห่ที่ใหญ่โตตามลำดับประกอบด้วยดังนี้
- ค่ายโหล (ฆ้องเบิกทาง)
- ตั๋วกี๋ (ธงใหญ่)
- เถ๋ากี๋ (ธงนำหน้า)
- ป้ายชื่อพระราชาธิราชทั้งเก้าพระองค์เสด็จ (กิ้วอ๋องต่ายเต่) เสด็จผ่านและป้ายให้เงียบและสงบ
- โฉ้ย (ปี่ยาว)
- เฉ่งตัวโหล (ฆ้องใหญ่)
- ไท่เผีย หรือ เก่ว (เกี้ยวเล็ก)
- เทพเจ้าต่างๆ ประทับทรง
- โฉ้ย (ปี่สวรรค์)
- เหี้ยวเต่า (เครื่องหม้อไฟหอม)
- เหนี่ยวซั่ว (ร่ม กระถางธูปมือถือ)
- ตั่วเลี้ยน (เกี้ยวใหญ่) ที่ประทับสำหรับกิ้วอ่องต่ายเต่ ประทับเมื่อขบวนแห่ไปถึงสะพานหิน เจ้าหน้าที่ฮวดกั้ว (เลอไท) และคณะกรรมการบริหารได้ร่วมทำพิธีเชิญเหี้ยวโห้ย ของ (พระราชาธิราชทั้งเก้าพระองค์) โดยการเสี่ยงทาย (ปั๊วะโป้ย) เมื่อทำพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงอันเชิญนำขบวนแห่กลับศาลเจ้าตามเดิม
พิธีโก้ยโห้ย (พิธีลุยไฟ)
เป็นพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์อีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อมีการประกอบพิธีกินผัก จะต้องมีการลุยไฟทุกครั้ง เพื่อให้สิ่งเลวรายไปกับเปลวไฟ
พิธีโก้ยห่าน (พิธีสะเดาะเคราะห์)
ผ่านการสะเดาะเคราะห์ประทับตรามีรูปต่างตัว (โต้ยซี้น) ต่างตัวกับต้นกู้ฉ่าย 1 ต้น กับเศษสตางค์ สำหรับผู้ชายจะเดินข้ามหม้อไฟไม้หอม เดินข้ามสะพานเทพเจ้าประทับตราให้ เมื่อผ่านไปแล้วจึงนำรูปต่างตัวกับต้นกู้ฉ่ายกับเศษสตางค์ลงในแข่งที่รองรับไว้ส่วนสำหรับผู้หญิง จะไม่มีหม้อไฟไม้หอม นอกนั้นปฏิบัติเหมือนกันทุกอย่า
การโก้ยหาน เป็นการสะเดาะห์อีกแบบหนึ่ง คือ สำหรับผู้ที่ไม่กล้าลุยไฟที่เป็นผู้ชาย ผู้หญิงหรือเด็กจะเข้ามาทำการโก้ยห่านได้เพื่อจะได้ให้สิ่งเลวร้ายต่างๆจะได้ไปพร้อมกับรูปต่างตัว ส่วนต้นกู้ฉ่ายนั้นมีความหมายว่าจะได้อายุยืนยาวต่อไปเหมือนกับต้นกู้ฉ่าย (ความหมาย คืน ต้นกู้ฉ่ายนี้เมื่อตัดต้นมากินแล้ว ส่วนหัวของต้นจะแตกยอดเป็นต้นขึ้นมาอีกจะไม่มีวันหมด ซึ่งเข้าใจกันว่าจะแตกกอและยืนยาวไม่มีสิ้นสุด)
พิธีส่งยกอ๋องส่งเต่ (ส่งพระอิศวร) ขึ้น 9 ค่ำเดือน 9 จีน
ก่อนเที่ยงคืนหรือเที่ยงคืน ทางศาลเจ้าจะจัดโต๊ะทำพิธีส่งพระขึ้นสวรรค์ คือ ส่งเก้งส่างยกอ๋องส่งเต่ คือ เชิญพระอิศวรกลับขึ้นสรวงสวรรค์ ที่มาเป็นประธานใหญ่ในพิธีทั้ง 9 วัน 9 คืน เมื่อครบกำหนดจึงทำพิธีส่งที่หน้าศาลเจ้าจะมีผู้คนส่งเทวดาขึ้นสวรรค์เป็นจำนวนมาก พร้อมกับแจ้งรายงานจำนวนผู้ที่มาร่วมพิธีกินผักทั้งชายหญิงจำนวนเท่าไรใช้ข้าวสารไปจำนวนกี่กระสอบในปีนี้ให้พระอิศวรรับทราบและขอให้ศาลเจ้าอยู่เป็นหมื่นปีพร้อมกับประชาชนทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขโดยทั่วกัน (ฮั่บเก้งเป่งอ้าน)
พิธีส่างกิ้วอ๋องต่ายเต่ (พระราชาธิราชทั้ง 9 พระองค์)
ก่อนเที่ยงคืนหรือหลังเที่ยงคืน จะทำพิธีส่งเก้ง คือ สวดมนต์ รายงานเป็นครั้งสุดท้ายภายในห้องราชสำนักเพื่ออ่านรายชื่อคณะกรรมการ และผู้ที่มาช่วยเหลือพร้อมกับประชาชนทุกๆคน (ฉ้ายอิ้ว) ทั้งชายและหญิงที่มาร่วมในพิธีผักในปีนี้ทั้งหมดจำนวนเท่าไรและรวมถึงข้าวสารให้กิ้วอ๋องต่ายเต่ ได้รับทราบและขอให้ศาลเจ้า จงอยู่เป็นหมื่นปี (ฮับเก้งเป่งอ้าน) ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขโดยทั่วกัน
หลังจากทำพิธีส่งเก้งเสร็จแล้ว คณะกรรมการผู้มีหน้าที่เชิญกระถางธูปต่างๆพร้อมทั้งของเล่งก้วนต่ายเต่ (ราชเลขา) ล่ำเต้า-ปั้กเต้า (ผู้ถือบัญชีคนตายและคนเกิด) ออกจากศาลเจ้าไปยัง ณ สถานที่ส่งตามที่ทางศาลเจ้าได้กำหนดไว้
พิธีลงเสาเทวดาและกิ้วอ๋องต่ายเต่ (เซียโก่เต้ง ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 9 จีน)
วันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 9 จีน ทุกศาลเจ้าเมื่อเสร็จจากพิธีกินผักจะต้องเขียนกระดาษแดง (เลี่ยนตุ่ย) ติดตามประตูต่างๆ ทุกแห่ง จัดเก็บเข้าของที่ได้นำมาใช้ในงาน ส่วนทางฝ่ายโรงครัวจัดทำอาหารคาวมีประเภทเนื้อสัวต์ต่างๆ เตรียมไว้ครั้นถึงเวลา 5 โมงเย็นประชาชนจะมาช่วยกันลงเสาเทวดากับกิ้วอ๋องต่ายเต่ เรียกว่า เซียโก่เต้ง หน้าศาลเจ้าลงแล้วหามเก็บเข้าที่ตามเดิม หลังจากนั้นก็เริ่มพิธีเลี้ยงอาหารเรียกว่า โข้กุ้น ตามทิศต่างๆที่ได้มารักษาการณ์ให้บริเวณงานทั้งภายในและภายนอกศาลเจ้าเชิญกลับเข้ากรมกองเรียกว่า ซิ่วกุ้น แต่ถ้าหากพิธีซิ่วกุ้น แต่ถ้าหากพิธีซิ่วกุ้นเชิญทหารกลับไม่หมดประชาชนเคราะห์หามยามร้ายจะเกิดมีการต่างๆ (ช้อง) เกิดขึ้นได้ เมื่อเสร็จประชาชนที่ได้เชิญรูปพระหรือเทพต่างๆ ที่นำไปร่วมในพิธีกินผักจะต้องเชิญกลับบ้านหลังจากโข้กุ้น ขุ่ยโฉ้ (กินอาหารคาว) เป็นอันว่าได้สิ้นสุดพิธีกินผักโดยสมบรูณ์ของปีนี้
แหล่งที่มา : ไชยยุทธ ปิ่นประดับ ประเพณีกินผัก (เจี๊ยะฉ่าย) จังหวัดภูเก็ต